รักษ์มะรุม

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม moringa oil

น้ำมันมะรุม 


น้ำมันมะรุมสกัด
นอกจากประโยชน์ต่างๆได้กล่าวมาแล้ว เมล็ดมะรุมยังให้น้ำมันที่มีคุณสมบัติเป็นเลิศอีกด้วย คนโบาณกาลนิยมใช้น้ำมันชนิดหนึ่งมาใช้ปรุงอาหาร บำรุงและรักษาผิวพรรณ ที่มีคุณสมบัตพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวลานานเท่าใด น้ำมันชนิดนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพของสีและกลิ่นแต่อย่างใด และยังคงสภาพเดิม

คนโบราณเรียกน้ำมันมะรุมนี้ว่า Benoil และนำไปใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นและนาฬิกาชนิดที่ดีที่สุดโลก รวมทั้งใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางราคาแพง

จากการค้นคว้าของนักวิจัยประสบการณ์ของบุคคลรอบข้างและทั้งตัวผู้เขียนเองได้พบว่า น้ำมันมะรุมมีคุณสมบัติที่พิเศษและมหัศจรรย์ ท่านอาจารย์สุทธสวัสส์ ได้กรุณาอธิบายในวาระที่ท่านมาบรรยายที่วัดป่าธรรมชาติกล่าวว่า น้ำมันมะรุมมีคุณสมบัติชะลอความชราได้ด้วย จะใช้ทาตรงหือผสมโลชั่นกับน้ำมันอื่นที่ท่านชื่นชอบ เมื่อทาแล้วผิวหน้าจะเนียน นุ่มนวลและง่ายต่อการแต่งหน้า ทั้งยังทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน ข้อดีอีกอย่างของน้ำมันมะรุมคือดูดซึมง่าย และไม่เหนียวเนอะหนะเช่นน้ำมันอื่นๆ เป็นต้น



คุณสมบัติของน้ำมันมะรุม


มีรายงานว่ามีการนำเมล็ดมะรุมมาใช้ใน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยงามตั้ง 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งนำมาใช้ลดริ้วรอยโดยการใช้ยางสน, น้ำมัน มะรุมสด และหญ้าไซปรัส ซึ่งนำส่วนผสมทั้งหมดหมักรวมกัน และนำมาใช้ทุกวันเป็นประจำ เหมาะต่อการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเสริมสวยทำ เครื่องสำอาง ใช้ในการบำรุงผิว บำรุงผม นอกจากนั้นยังมีสารฆ่าเชื้อและสมานแผล มีสรรพคุณในการแก้ผื่นคัน แมลงกัดต่อย และแผลถลอก นอกจากนั้น ยังมีไวตามิน เอ และ ซี ที่มีประโยขน์ในด้านเสริมสวย ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปปรุงอาหารเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก และมีคุณสมบัติ ใกล้เคียงกัน ดูรายละเอียดคุณสมบัติด้านล่างนี้

ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยของผิว
ช่วยบรรเทาการเกิดสิวบนใบหน้า
ช่วยลดรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย
ช่วยรักษาโรคเชื้อราตามผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า เชื้อราตามซอกเล็บ และผิวแห้งเพราะเชื้อรา
ช่วยรักษาแผลสด เนื่องจากเมล็ดมะรุมนั้นประกอบไปด้วยสารฆ่าเชื้อโรค และช่วยลดการอักเสบของบาดแผลจากมีดบาด แผลฟกช้ำ แผลไฟไหม้ แมลงกัดต่อย ผดผื่นและรอยถลอกอย่างรวดเร็ว

การใช้งานด้านเวชสำอาง



- ครีมลบริ้วรอย
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
- สบู่ก้อนและสบู่เหลว
- น้ำมันหอมระเหย
- น้ำมันนวด
- ครีมบำรุงผิวหน้า
- น้ำหอมและที่ดับกลิ่นกาย
- น้ำหอมและที่ดับกลิ่นกาย

น้ำมันมะรุมเป็นส่วนประกอบสำคัญในครีม โลชัน น้ำมันหอม ครีมขัดตัว/หน้า ออยทาผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในสัดส่วน 3-100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมี สารอาการที่จำเป็นต่อผิวและเส้นผม

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม น้ำมันมะรุมจะมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำมันมะกอกที่ช่วยลดผมแห้งเสีย ชี้ฟู และยังช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะอีกด้วย โดยการชโลมน้ำมันมะรุมลงบนหนังศีรษะในขณะที่ผมเปียกแล้วนวดให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยทำให้หนังศีรษะสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้น
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิว ส่วนผสมของเมล็ดมะรุมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด จะช่วยให้เกิดฟองครีมมากและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ไม่เหมือนกับน้ำมันจากพืชชนิดอื่น

ช่วยขจัดสิวและป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
ช่วยลดริ้วรอยและป้องกันผิวหน้าหย่อนยาน น้ำมันมะรุมมีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยเป็นพิเศษ
เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆ ที่มีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของต่อมบนชั้นผิว ต่อมบนชั้นผิวนี้เป็นตัวที่สร้างความเสียหายต่อชั้นผิวและทำให้เกิดริ้วรอย
ช่วยลดรอยแผลเป็นและจุดด่างดำจากสิว
ช่วยให้หน้ากระจ่างใส
ช่วยกระชับรูขุมขน
ช่วยให้ผิวสะอาดบริสุทธิ์, สร้างสมดุลของน้ำมัน และลดความอ่อนล้าของผิว ถ้าใช้เป็นประจำจะช่วยลดการเกิดสิวหัวดำในทุกสภาพผิว และลดผลหระทบจากมลภาวะ
ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น

"สำหรับผิวนั้นน้ำมันมะรุมจะช่วยให้ผิวนุ่มนวลเหมาะกับการใช้นวดตัว เพราะอุดมไปด้วยกรด Palmitoleic, กรด Oleic และกรด Linoleic, วิตามินเอและซี, และกรดไขมันไม่อิ่มตัว ผสมเข้ากันได้ง่ายกับ Essential oils ไม่เกิดการระเหยและกระจายบนผิวได้ง่าย น้ำมันมะรุมช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเนื่องจากอุดมไปด้วย วิตามินเอและซี กรดไขมันไม่อิ่มตัว มีสารฆ่าเชื้อโรคและลดการอักเสบ และยังช่วยรักษาผิวสีแทนให้คงทน เนื่องจากอุดมไปด้วยทองแดงและแคลเซียม ซึ่งมีสารอาหารสำคัญสำหรับผิว"

ประโยชน์ของน้ำมันมะรุม นวดสำหรับเด็ก

ช่วยกล่อมและบรรเทาความเจ็บปวดด้วยสัมผัสจากการนวด
ช่วยลดและป้องกันการบาดเจ็บจากอาการโคลิก
ช่วยปรับการเคลื่อนไหวของร่างกายเด็ก
ช่วยผ่อนคลายหลังอาบน้ำและก่อนเข้านอน
ช่วยพัฒนาระบบประสาท

น้ำมันมะรุมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวสูง และมีส่วนผสมคล้ายกับน้ำมันมะกอกแต่บางเบากว่ามาก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ผิวพรรณ เนียนนุ่ม

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำหอม ส่วนการผลิตน้ำหอมนั้นได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของน้ำมันมะรุม ทำให้น้ำหอมซึมซับได้ดีและมีกลิ่นติดทนนาน

ข้อควรระวังสำหรับการทานมะรุมกับโรค G6PD!


Dehydrogenase เป็นเอ็นไซน์หนึ่งที่อยู่ในเซลล์ ซึ่งเป็นส่วนำคัญในขบวนการ การใช้พลังงาน ปละสร้างสารต่างๆ ในเซลล์
โรคขาดเอ็นไซม์ G-6-PD หรือภาวะพร่องเอนไซน์ จีซิกพีดี หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคแพ้ถั่วปากอ้า (Favism) เป็นโรคทางพันธุกรรม มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มีผลกระทบต่อเพศชายมากกว่าเพศหญิง


การวินิจฉัยโรค ใช้การตรวจสอบทางพันธุกรรม ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ได้รับ oxidizing agents เช่นยาบางชนิดหรือการติดเชื้อในร่างกาย จะทำให้เม็ด เลือดแดงไม่สามารถทนทานได้ และกินเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน เกิดซีดเฉียบพลัน ปัสสาวะดำหรือสีเข้มจากสีของฮีโมโกลบิน และอาจเกิดไตวายได้


สารหรือยาที่ทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกได้บ่อยได้แก่ ยารักษามาเลเรียบางชนิด, ยาซัลฟา, ยาปฏิชีวนะบางชนิดและถั่วปากอ้า เป็นต้น นอกจากนี้การติดเชื้อต่างๆ เช่นเป็นไข้หวัด หลอดลมอักเสบก็ทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกได้ จึงจำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ พยาบาลทราบ และรักษา รวมทั้งเสี่ยงยาที่อาจทำให้เกิดอาการได้


อาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับยาเหล่านี้ ผู้ป่วยจะซีดลงทันทีเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกในหลอดเลือด จะสังเกตเห็นปัสสาวะเป็นสีดำหรือสีโคล่า เนื่องจาก ฮีโมโกลบินในใดเลือดแดงถูกกรองออกมากับไต ซึ่งจำเป็นต้องนำส่ง โรงพยาบาล เพื่อให้การรักษาแบบประคับประคองทันที อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อเม็ด เลือดแดงแตกเฉียบพลัน (Hemolytic crisis) เช่นนี้คือ ภาวะไตวาย เนื่องจากไตขาดเลือดเฉียบพลัน เพราะขาดเม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนมาหล่อเลี้ยง (เม็ดเลือดแดงแตกหมด) และยังได้รับฮีโมโกลบินปริมาณมาก ซึ่งเป็นพิษต่อไตโดยตรง
การรักษา เป็นการรักษาตามอาการแบบประคับประคอง เช่น การให้เลือด, การให้น้ำในประมาณที่เพียงพอป้องกันไตวาย ส่วนการแตกของเม็ดเลือดจะ หยุดได้เอง โรคนี้ไม่มีการรักษาที่หายขาดในขณะนี้


อาหารต้องห้าม หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่อาจทำให้เกิดอาการ นอกจากยาแล้ว อาหารที่รับประทานก็พบว่ามีผลต่อเม็ดเลือดของผู้ป่วยเช่นกัน นั่นคือถั่วปากอ้า (Fava bean) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถั่วนั้นยังดิบอยู่ และลูกเหม็น (naphthalene) และมะรุม ไม่ควรรับประทานใบและเมล็ดมะรุม เพราะมีสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในถั่วปากอ้า



วิธีการสกัดน้ำมันมะรุม Seeds of Health


การสกัดเย็น ด้วยเครื่องสกรูเพรส (Screw Press) น้ำมันสกัดเย็น คือ การแยกน้ำมันออกจากเมล็ดโดยไม่ใช้ความร้อนและสารเคมี แล้วตั้งทิ้งไว้ให้ ตกตะกอนจึงได้น้ำมันที่ใสบริสุทธิ์ และคงคุณค่าและสรรพคุณของของมะรุม


วิธีการบีบอัดโดยเครื่องสกรูเพรส (Screw Press) น้ำมันมะรุมที่บีบออกมาโดยแรงบดไประหว่างสกรูในแนวนอน จนได้น้ำมันออกมา


น้ำมันประเภทนี้จัดเป็นน้ำมันคุณภาพดี จะได้น้ำมันคุณภาพดี มีสี กลิ่น รส ตามธรรมชาติเพราะไม่ผ่านความร้อนเลย แต่จะมีความร้อนเกิดขึ้นจาก แรงเสียดสีระหว่างการบด ปริมาณน้ำมันที่สกัดได้ ประมาณ 30-40% มากกว่าการสกัดด้วยไฮโดรลิก เมื่อได้น้ำมันจะต้องนำไปกรองด้วยกระดาษกรอง


วิธีการสกัด เริ่มจากการนำเมล็ดมะรุมจากฝักแก่มาตากแดด เพื่อไล่ความชื้น แล้วทำการบีบด้วยเครื่องบีบอัดระบบสกรูเพรส จากเมล็ดมะรุมแห้งปริมาณ 8-12 กิโลกรัม จะสกัดได้น้ำมันมะรุม 1 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องด้วย


ข้อดีของน้ำมันมะรุมที่สกัดด้วยวิธีนี้ : จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ช่วยลดไขมัน พวกไตรกลีเซอไรด์ และลดคอเลสเตอรอลไม่ดีอีกด้วย

การสกัดน้ำมันมะรุมนั้นสามารถสกัดได้อีกหลายวิธี ดังนี้


สกัดน้ำมันมะรุมโดยการเคี่ยว (Rendering) โดยการนำเมล็ดมะรุมแก่มาบดให้ละเอียด แล้วนำไปใส่กระทะ เติมน้ำสองเท่าของเนื้อเมล็ดมะรุมที่บดแล้ว นำไปตั้งไฟให้เดือดแล้วหรี่ไฟลง หลังจากนั้นก็เคี่ยวกับไปพออ่อนๆ เคี่ยวจนน้ำมันแยกตัวออกมา ลอยตัวเหนือน้ำหรือเคี่ยวจนน้ำระเหยออกหมด ก็จะได้น้ำมันออกมา แล้วกรองแยกเอาน้ำมันมะรุมมาบรรจุขวด


สกัดน้ำมันมะรุมโดยการกลั่น นำเมล็ดมะรุมในฝักแก่ มาบดละดอียดแล้วผสมน้ำ ต้มให้เดือด 5-10 นาที แล้วยกลงจากเตา นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วใส่ขวดหรือภาชนะที่มีทรงสูง ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อปล่อยให้น้ำมันแยกตัวเป็นชั้น จากนั้นจึงตักน้ำมันมากรองใส่ขวดเก็บไว้ ส่วนกากมะรุมที่เหลือนำไปทำ ปุ๋ยอินทรีย์ได้ แต่ข้อเสียของการสกัดน้ำมันมะรุมด้วยการเคี่ยว และกลั่น : ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักเพราะคุณภาพของน้ำมันยังไม่ ค่อยดีนัก เนื่องจากผ่านความร้อนเป็นเวลานาน กลิ่นไม่หอมมาก บางครั้งมีกลิ่นเหม็นไหม้ปนมากับน้ำมัน สภาพของน้ำมันเปลี่ยนไป เช่น เหม็นหืนเร็ว เมื่อนำมาทาตัวจะเหนียงเหนอะหนะ ซึมผ่านผิวหนังได้ยากกว่าน้ำมันที่สกัดโดยไม่ผ่านความร้อน

Moringa Oil (cold pressure)
clears pimples and prevents recurrence, if used regularly
remove wrinkles & prevent sagging of facial muscles.
helps clears black heads & spots. -Make face glow.
Helps to tighten the skin pores.
Purify the skin, balance the secretion of oil & remove skin fafatigue
Regular use diminishes the foemation of blackheads for all skill type.
Keeps skin healthy and glowing.









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น